Immune System
อัพเดทล่าสุด: 7 ส.ค. 2025
2066 ผู้เข้าชม
ถ้าร่างกายของเราขาดความสมดุลของภูมิคุ้มกัน
จะเกิดอะไรขึ้น มาดูภาพนี้กันค่ะ
ภูมิคุ้มกันสำคัญอย่างไร?กับสุขภาพ
ระบบภูมิคุ้มกันคือกุญแจของชีวิตที่แข็งแรง
ภูมิคุ้มกัน คือแนวป้องกันตามธรรมชาติที่ร่างกายใช้ในการต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอม เช่น เชื้อโรค แบคทีเรีย ไวรัส รวมถึงเซลล์มะเร็ง
ระบบภูมิคุ้มกันคือกุญแจของชีวิตที่แข็งแรง
ภูมิคุ้มกัน คือแนวป้องกันตามธรรมชาติที่ร่างกายใช้ในการต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอม เช่น เชื้อโรค แบคทีเรีย ไวรัส รวมถึงเซลล์มะเร็ง
และสารพิษต่าง ๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย
ระบบภูมิคุ้มกันที่ดีจะช่วยให้ร่างกาย แข็งแรง ฟื้นตัวเร็ว
ระบบภูมิคุ้มกันที่ดีจะช่วยให้ร่างกาย แข็งแรง ฟื้นตัวเร็ว
และมีโอกาสป่วยน้อยลง
ในทางกลับกัน หากภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ร่างกายจะมีความเสี่ยงต่อ โรคเรื้อรัง การติดเชื้อรุนแรง และมะเร็งบางชนิดสูงขึ้นอย่างชัดเจน
ทำไม ภูมิคุ้มกัน ถึงสำคัญกับสุขภาพ?
1. ป้องกันโรคติดเชื้อ
ระบบภูมิคุ้มกันจะตรวจจับและกำจัดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา และพยาธิ
1. ป้องกันโรคติดเชื้อ
ระบบภูมิคุ้มกันจะตรวจจับและกำจัดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา และพยาธิ
ไม่ให้เข้าทำลายอวัยวะภายใน หากภูมิต้านทานดี เราจะมีโอกาสไม่ป่วยง่าย ไม่เป็นหวัดบ่อย ไม่ติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ หรือทางเดินอาหาร
2. ต่อสู้กับเซลล์ผิดปกติ เช่น เซลล์มะเร็ง
ร่างกายมนุษย์จะมีการเกิดเซลล์ผิดปกติอยู่เสมอ แต่หากระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดี เซลล์เม็ดเลือดขาวจะตรวจจับและทำลายเซลล์เหล่านั้น
2. ต่อสู้กับเซลล์ผิดปกติ เช่น เซลล์มะเร็ง
ร่างกายมนุษย์จะมีการเกิดเซลล์ผิดปกติอยู่เสมอ แต่หากระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดี เซลล์เม็ดเลือดขาวจะตรวจจับและทำลายเซลล์เหล่านั้น
ก่อนที่จะพัฒนาเป็นเซลล์มะเร็งได้
3. ฟื้นฟูร่างกายหลังเจ็บป่วยหรือผ่าตัด
ระบบภูมิคุ้มกันช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้นหลังผ่าตัด เคมีบำบัด หรือการติดเชื้อรุนแรง โดยกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์เนื้อเยื่อ และควบคุมการอักเสบ
4. ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง
ภูมิคุ้มกันที่ไม่สมดุลอาจทำให้เกิดโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง (Autoimmune) ดังนั้นการดูแลระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
3. ฟื้นฟูร่างกายหลังเจ็บป่วยหรือผ่าตัด
ระบบภูมิคุ้มกันช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้นหลังผ่าตัด เคมีบำบัด หรือการติดเชื้อรุนแรง โดยกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์เนื้อเยื่อ และควบคุมการอักเสบ
4. ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง
ภูมิคุ้มกันที่ไม่สมดุลอาจทำให้เกิดโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง (Autoimmune) ดังนั้นการดูแลระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
จึงช่วยลดความเสี่ยงโรคเหล่านี้ได้
5. ส่งเสริมสุขภาพโดยรวม
ระบบภูมิคุ้มกันเกี่ยวข้องกับสุขภาพในทุกระดับ ทั้งสมอง หัวใจ ลำไส้ และผิวหนัง โดยเฉพาะลำไส้ที่เป็นแหล่งรวมเซลล์ภูมิคุ้มกันมากกว่า 70%
5. ส่งเสริมสุขภาพโดยรวม
ระบบภูมิคุ้มกันเกี่ยวข้องกับสุขภาพในทุกระดับ ทั้งสมอง หัวใจ ลำไส้ และผิวหนัง โดยเฉพาะลำไส้ที่เป็นแหล่งรวมเซลล์ภูมิคุ้มกันมากกว่า 70%
ของร่างกาย
ระบบภูมิคุ้มกันมีกี่ประเภท?
ระบบภูมิคุ้มกันแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่:
1. ภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด (Innate Immunity)
เป็นภูมิคุ้มกันที่มีติดตัวตั้งแต่เกิด ทำงานรวดเร็ว เช่น ผิวหนัง น้ำลาย น้ำตา กรดในกระเพาะอาหาร และเม็ดเลือดขาวชนิดฟาโกไซต์ (phagocyte)
2. ภูมิคุ้มกันแบบจำเพาะ (Adaptive Immunity)
เป็นภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างขึ้นจากประสบการณ์ เช่น เมื่อร่างกายเคยติดเชื้อไวรัสแล้วหาย ร่างกายจะสร้างแอนติบอดีเพื่อป้องกันไม่ให้ติดซ้ำ
ระบบภูมิคุ้มกันแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่:
1. ภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด (Innate Immunity)
เป็นภูมิคุ้มกันที่มีติดตัวตั้งแต่เกิด ทำงานรวดเร็ว เช่น ผิวหนัง น้ำลาย น้ำตา กรดในกระเพาะอาหาร และเม็ดเลือดขาวชนิดฟาโกไซต์ (phagocyte)
2. ภูมิคุ้มกันแบบจำเพาะ (Adaptive Immunity)
เป็นภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างขึ้นจากประสบการณ์ เช่น เมื่อร่างกายเคยติดเชื้อไวรัสแล้วหาย ร่างกายจะสร้างแอนติบอดีเพื่อป้องกันไม่ให้ติดซ้ำ
งานวิจัยรักษามะเร็งด้วยภูมิคุ้มกัน
เซซามิน(Sesamin) กับคุณสมบัติการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย มะเร็งเกิดขึ้นได้เมื่อภูมิต้านทานต่ำลง โดยภูมิคุ้มกันจะทำหน้าที่หลายอย่างเพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งไม่ให้เกิดขึ้น
เซลล์เม็ดเลือดขาวสามารถสร้างและปล่อยสารที่มีคุณสมบัติในการ
เซลล์เม็ดเลือดขาวสามารถสร้างและปล่อยสารที่มีคุณสมบัติในการ
กระตุ้นภูมิคุ้มกัน
เช่น Interleukin-2(IL-2) สารIL-2 นี้จะทำหน้าที่
กระตุ้นภูมิคุ้มกัน และเป็นไซโตไคน์
ที่ได้รับอนุญาติจาก อย.ของประเทศสหรัฐอเมริกา
เพื่อใช้ในการรักษามะเร็งได้
ที่ได้รับอนุญาติจาก อย.ของประเทศสหรัฐอเมริกา
เพื่อใช้ในการรักษามะเร็งได้
สถาบันมะเร็งแห่งชาติของอเมริกา ได้รายงานว่าสาร
IL-2 เป็นสารชีวโมเลกุลชนิดหนึ่ง
ที่สร้างขึ้นจากเม็ดเลือดขาวโดยธรรมชาติอยู่แล้ว
จากการศึกษาในห้องทดลองพบว่า สารเซซามิน(Sesamin)
สามารถกระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวสร้างสารIL-2 ได้มากขึ้น
จากการศึกษาในห้องทดลองพบว่า สารเซซามิน(Sesamin)
สามารถกระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวสร้างสารIL-2 ได้มากขึ้น
จึงทำให้ร่างกายผู้ป่วยมีการตอบสนองที่ดีขึ้น จึงทำให้การรักษาเป็นไปในทางที่ดีขึ้น
สารสกัดงาดำเซซามิน(Sesamin)
เข้าไปทำอะไรกับเซลล์มะเร็ง
เซลล์มะเร็ง จะแบ่งตัวเร็วมากและเมื่อเซลล์มะเร็ง
เซลล์มะเร็ง จะแบ่งตัวเร็วมากและเมื่อเซลล์มะเร็ง
กระจายตัว
ตัวมันสามารถส่งสัญญาณให้เส้นเลือดงอกเส้นเลือดใหม่
ขึ้นมาที่ก้อนมะเร็ง และดูดอาหารจากเส้นเลือด
เพื่อนำอาหารไปเลี้ยงก้อนมะเร็ง
จากการศึกษาในห้องแลปพบว่า
ตัวมันสามารถส่งสัญญาณให้เส้นเลือดงอกเส้นเลือดใหม่
ขึ้นมาที่ก้อนมะเร็ง และดูดอาหารจากเส้นเลือด
เพื่อนำอาหารไปเลี้ยงก้อนมะเร็ง
จากการศึกษาในห้องแลปพบว่า
สารเซซามิน(Sesamin)เข้าไปปิดกั้นการสร้างเส้นเลือดใหม่จึงทำให้เซลล์มะเร็งไม่ได้รับอาหาร
สารเซซามิน(Sesamin) กระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวสร้างสารIL-2 (ซึ่งอย.สหรัฐอเมริกาอนุญาติ
ให้ใช้เป็นยารักษามะเร็งได้)
และเมื่อเม็ดเลือดขาวหรือภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้นจึงไปจัดการเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยไปกระตุ้นบนผิวเซลล์แล้วส่งสัญญาณเข้าไปภายในเซลล์มะเร็ง
ให้ใช้เป็นยารักษามะเร็งได้)
และเมื่อเม็ดเลือดขาวหรือภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้นจึงไปจัดการเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยไปกระตุ้นบนผิวเซลล์แล้วส่งสัญญาณเข้าไปภายในเซลล์มะเร็ง
มันจึงถูกยับยั้งโดยสารเซซามิน(Sesamin)




เป็นการอธิบายถึงกลไกภายในเซลล์
เป็นการวิจัยระดับโมเลกุล
สารเซซามิน(Sesamin)ทำให้เซลล์มะเร็ง
อดอาหารและเข้าสู่กระบวนการตาย
โดยเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายถูกโปรแกรมให้เกิดขึ้นและมีอายุการตาย ยกเว้นเซลล์มะเร็ง
สารเซซามิน(Sesamin)ทำให้เซลล์มะเร็ง
อดอาหารและเข้าสู่กระบวนการตาย
โดยเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายถูกโปรแกรมให้เกิดขึ้นและมีอายุการตาย ยกเว้นเซลล์มะเร็ง
ที่มันสามารถเจริญเติบโตและขยายใหญ่ขึน
ไม่มีโปรแกรมการตาย
หรือไม่เข้าสู่Program Cell Dead
เซซามิน (Sesamin) กับบทบาทในการยับยั้งเซลล์มะเร็ง
เซซามิน (Sesamin) คือสารสกัดสำคัญที่สกัดจากงาดำ ซึ่งมีการศึกษาวิจัยถึงคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ เสริมภูมิคุ้มกัน และที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ บทบาทของเซซามินSesaminในการส่งผลต่อเซลล์มะเร็ง
เซซามิน (Sesamin) คือสารสกัดสำคัญที่สกัดจากงาดำ ซึ่งมีการศึกษาวิจัยถึงคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ เสริมภูมิคุ้มกัน และที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ บทบาทของเซซามินSesaminในการส่งผลต่อเซลล์มะเร็ง
โดยมีข้อมูลจากการศึกษาทางห้องปฏิบัติการ (in vitro)
และระดับโมเลกุล ดังนี้:
1. ยับยั้งการสร้างเส้นเลือดใหม่ (Anti-angiogenesis)
เซลล์มะเร็งมีความสามารถในการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเส้นเลือดใหม่ขึ้นมา เพื่อส่งเลือดและสารอาหารไปหล่อเลี้ยงก้อนมะเร็ง ทำให้สามารถเติบโตและกระจายตัวได้อย่างรวดเร็ว
จากการทดลองในหลอดทดลองพบว่า เซซามินSesaminมีฤทธิ์ในการยับยั้งกระบวนการสร้างเส้นเลือดใหม่ (angiogenesis) ซึ่งมีผลให้ก้อนมะเร็งขาดแหล่งพลังงาน และไม่สามารถเติบโตต่อได้
2. กระตุ้นภูมิคุ้มกันผ่านสาร IL-2
เซซามินSesaminมีฤทธิ์กระตุ้นให้ร่างกายสร้าง Interleukin-2 (IL-2) ซึ่งเป็นสารภูมิคุ้มกันที่มีความสำคัญในการกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว (T-cells และ NK cells)
IL-2 ได้รับการยอมรับในทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกาว่าเป็นหนึ่งในสารชีวภาพที่สามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคมะเร็งบางชนิด
เซซามินSesaminจึงถือว่ามีบทบาทในการเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายสามารถควบคุมและทำลายเซลล์มะเร็งได้ดีขึ้น
3. กระตุ้นการตายของเซลล์มะเร็ง (Apoptosis)
โดยปกติ เซลล์ในร่างกายจะมี โปรแกรมการตาย ตามธรรมชาติ (Programmed Cell Death) เพื่อควบคุมจำนวนเซลล์ในร่างกาย แต่ เซลล์มะเร็งสามารถหลีกเลี่ยงกระบวนการนี้ได้ ทำให้เจริญเติบโตอย่างไม่สิ้นสุด
มีการค้นพบว่า เซซามินSesaminสามารถกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งเข้าสู่กระบวนการ Apoptosis หรือการตายของเซลล์อย่างมีแบบแผนได้ ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญที่ช่วย
1. ยับยั้งการสร้างเส้นเลือดใหม่ (Anti-angiogenesis)
เซลล์มะเร็งมีความสามารถในการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเส้นเลือดใหม่ขึ้นมา เพื่อส่งเลือดและสารอาหารไปหล่อเลี้ยงก้อนมะเร็ง ทำให้สามารถเติบโตและกระจายตัวได้อย่างรวดเร็ว
จากการทดลองในหลอดทดลองพบว่า เซซามินSesaminมีฤทธิ์ในการยับยั้งกระบวนการสร้างเส้นเลือดใหม่ (angiogenesis) ซึ่งมีผลให้ก้อนมะเร็งขาดแหล่งพลังงาน และไม่สามารถเติบโตต่อได้
2. กระตุ้นภูมิคุ้มกันผ่านสาร IL-2
เซซามินSesaminมีฤทธิ์กระตุ้นให้ร่างกายสร้าง Interleukin-2 (IL-2) ซึ่งเป็นสารภูมิคุ้มกันที่มีความสำคัญในการกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว (T-cells และ NK cells)
IL-2 ได้รับการยอมรับในทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกาว่าเป็นหนึ่งในสารชีวภาพที่สามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคมะเร็งบางชนิด
เซซามินSesaminจึงถือว่ามีบทบาทในการเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายสามารถควบคุมและทำลายเซลล์มะเร็งได้ดีขึ้น
3. กระตุ้นการตายของเซลล์มะเร็ง (Apoptosis)
โดยปกติ เซลล์ในร่างกายจะมี โปรแกรมการตาย ตามธรรมชาติ (Programmed Cell Death) เพื่อควบคุมจำนวนเซลล์ในร่างกาย แต่ เซลล์มะเร็งสามารถหลีกเลี่ยงกระบวนการนี้ได้ ทำให้เจริญเติบโตอย่างไม่สิ้นสุด
มีการค้นพบว่า เซซามินSesaminสามารถกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งเข้าสู่กระบวนการ Apoptosis หรือการตายของเซลล์อย่างมีแบบแผนได้ ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญที่ช่วย
ควบคุมการลุกลามของมะเร็ง
สรุป:
จากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ในระดับห้องทดลอง เซซามินSesaminมีศักยภาพในการ
ต้านการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ผ่าน 3 กลไกหลัก ได้แก่
1.การตัดเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงก้อนมะเร็ง
2.การกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้ดีขึ้น
3.การกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งตายตามธรรมชาติ
เซซามิน(Sesamin)สามารถไปแก้ไขโปรแกรมให้เซลล์มะเร็งเข้าสู่
Program cell Dead หรือฆ่าตัวตาย
1.การตัดเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงก้อนมะเร็ง
2.การกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้ดีขึ้น
3.การกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งตายตามธรรมชาติ
เซซามิน(Sesamin)สามารถไปแก้ไขโปรแกรมให้เซลล์มะเร็งเข้าสู่
Program cell Dead หรือฆ่าตัวตาย
กด สอบถามข้อมูล
บทความที่เกี่ยวข้อง
ค้นพบประโยชน์ของสารเซซามินSesaminจากงาดำ ช่วยลดความดันโลหิต ต้านการอักเสบ ป้องกันหลอดเลือดอุดตัน และสนับสนุนสุขภาพหัวใจอย่างเป็นธรรมชาติ
27 มิ.ย. 2025
พบในผิวขององุ่นแดง เปลือกถั่วลิสง และผลไม้หลายชนิด คุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบและชะลอความเสื่อมของเซลล์ ช่วยการนอนหลับดีขึ้น
4 พ.ย. 2024
คุณมีความเสี่ยงอยู่ไหม? ภัยร้ายที่คร่าชีวิตคนไทย อันดับ1 ในเพศชายอันดับ 5 ในเพศหญิง #มะเร็ง #ไวรัสตับอักเสบ #มะเร็งตับ #ไขมันพอกตับ #ตับแข็ง
7 ก.พ. 2024